วันอาทิตย์, มกราคม 04, 2558

พันทิปจัดเต็ม สรรพโทษประชาธิปัตย์



ถ้ากติกาเป็นประชาธิปไตย สิ่งที่เราควรสะท้อนความคิดเห็นให้มาก คือโครงสร้างที่จะต้องเป็นประชาธิปไตย สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน และแก้ปัญหาในอดีต คือทำให้คนที่มาจากประชาชนต้องทำงานเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ซื่อสัตย์โปร่งใส ยึดประโยชน์ประชาชนจริงๆ
 
(คำให้สัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จากข่าวมติชนออนไลน์ ๔ มกราคม ๒๕๕๘ 'อภิสิทธิ์ย้ำ รธน. ใหม่ ต้องเป็นประชาธิปไตย ฟังเสียงประชาชน')

แต่ว่าที่ เว็บบอร์ดพันทิป กระทู้สนทนา การเมือง มีคนเขาจำความจริงได้ แล้วนำมาเรียบเรียงลำดับ ใส่ภาพประกอบ บันทึกข้อมูลยาวเหยียด ถึงสรรพสิ่งทั้งหลายที่เกิดจากฝีมือจัดแจงการบ้าน จัดจ้านการเมืองเอาไว้ ให้ผู้สนใจเข้าไปรับรู้ เรียนรู้กันตามแต่อัตถภาพ ไทยอีนิวส์คัดสรรมาให้ชิมลางเพียงเล็กน้อย แค่เป็นกระสาย ดังนี้


มีการบอกว่าประเทศไทยยังไม่ควรทำรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่จะกระตุ้นการพัฒนาและกระจายความเจริญไปทั่วประเทศ อันเป็นนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้น ซึ่งถูกล้มล้าง โค่นล้มไปจากกรณีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี และจากการรัฐประหาร 2557 ระหว่างรัฐบาลยิ่งลักษณ์รักษาการเพื่อการเลือกตั้งใหม่
แต่จะมีการทำรถไฟความเร็วไม่ค่อยสูงแทนที่ ซึ่งนายถวิล เปลี่ยนศรี เป็นหนึ่งในสิ่งที่ไม่อาจย้ายได้ของประเทศไทย อันได้แก่
 

อนาคตรถไฟความเร็วไม่ค่อยสูงภายใต้คณะรัฐประหาร 2557 หรือผู้สืบทอด ไม่เพียงแต่น่าจะมีผลต่อการพัฒนาและผู้ใช้บริการไม่ต่างจากรถไฟเดิมอีกสักเท่าใด แต่น่าจะมีผลลัพธ์ไม่ต่างไปจาก

(1)  ซากเสาโฮปเวลล์ ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ดำเนินการส่วนใหญ่ ไปจนกระทั่งเกิดผลสำเร็จ ได้เป็นซากเสาโฮปเวลล์ และจำนวนเงินที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะจ่ายชดเชยอีกมหาศาล 11,888.75 ล้านบาท

(2)  ซากโครงการบำบัดน้ำเสียรวม คลองด่าน ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ อันน่าเสียดายที่ไม่มีใครได้ยลชื่นชม อย่างซากเสาโฮปเวลล์ เพราะส่วนใหญ่อยู่ใต้ดิน ค่าก่อสร้างทั้งสิ้น  22,949,984,020 บาท  )22,950 ล้านบาท)

(3)  โครงการรถไฟฟ้าลาวาลิน ภายใต้การดำเนินการของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่สามารถเคยเกิดขึ้นได้จริงในโลกนี้ และตราบไปชั่วนิรันดร์

(4)  BIBF ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่จบด้วย ปรส. ขายขาดทุน 6.61 แสนล้านบาท ด้วยเงื่อนไขการขายที่เต็มไปด้วยเงื่อนงำ และหายนะประเทศไทยครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่เคยมีมา
 
(5)  เงินกู้ไทยเข้มแข็ง ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 2549 รวมเท่ากับ 959,441 ล้านบาท (ปี 2552 + ปี 2553 + ปี 2554 = 522,589 + 420,802 + 16,050 = 959,441 ล้านบาท) เอาไปเก็บเป็นเงินคงคลังไว้เฉยๆ301,044 ล้านบาท โดยไม่ใช้ประโยชน์อันใด แต่จ่ายค่าดอกเบี้ยตามเวลาที่ผ่านไป มีใครได้ประโยชน์จากค่าดอกเบี้ยส่วนนี้ โดยฉ้อฉลผ่านตราสารหนี้หรือสถาบันการเงินหรือไม่ ?

และส่วนที่ใช้ไปทั้งหมด มีใครรู้บ้างว่าไม่ได้ไร้สาระ เกิดประโยชน์อย่างจริงจังเป็นรูปธรรมอันใด? และมีตรงไหนไม่มีเงื่อนงำน่าเคลือบแคลงสงสัยในการทุจริต?

ดังเช่น จัดซื้ออุปกรณ์ของใช้ให้ชุมชน จัดซื้อครุภัณฑ์ให้สถานศึกษา จัดซื้อเวชภัณฑ์ใหhโรงพยาบาลที่ไม่มีใครร้องขอ ไม่มีใครต้องการ แทบไม่มีใครใช้ประโยชน์ ในราคาแพงกว่าท้องตลาดทั่วไปอย่างมาก

จัดให้มีการร้องเพลงชาติหลังเลิกงานทุกวัน ด้วยงบประมาณที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามโต้เถียงว่า ใช้ไปเพียง 13 ล้านบาท ไม่ถึง 60 ล้านบาท อย่างที่มีผู้พยายามเปิดโปง

รื้อโรงพัก สถานีตำรวจ สร้างใหม่ ให้ผู้รับเหมารายเดียวรับงานทั้งหมดทั้งประเทศ ปรากฏมีแต่เสาปักคาไว้ กับเถาวัลย์เลื้อยพาดพันซากก่อสร้าง และหญ้าขึ้นรกไปทั่ว

จ้างต่างชาติ 69 ล้านบาทคิดนโยบายประเทศได้ 8 ข้อ แต่ลอกมาทั้งหมดแล้วได้ใช้หรือไม่? และไม่รู้ว่าแอบมีเงินทอนคืนให้พรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่? ซึ่งน่าจะแทบไม่มีอะไรอยู่ในสมองพรรคประชาธิปัตย์เลยก่อนตั้งรัฐบาลหลังรัฐประหาร 2549 ถึงต้องไปจ้างต่างชาติคิดนโยบายให้ ใช่หรือไม่? คำถามคือ แล้วพรรคประชาธิปัตย์พยายามจะเข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อทำอะไร?

แต่ขายไข่ด้วยการชั่งกิโลเป็นนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์นำเสนออย่างภาคภูมิใจว่าคิดเอง ไม่ได้รวมในค่าจ้าง 69 ล้านบาท ช่วยให้ความบันเทิงแก่คนทั่วไปได้มีเรื่องให้ขบขัน

แจกเช็คให้ผู้มีเงินเดือนประจำรายละสองพันบาท รวมประมาณกว่าสองหมื่นล้านบาท โดยจ่ายค่าธรรมเนียมออกเช็คแก่ธนาคารเอกชน อ้างว่าจ่ายน้อยกว่าของรัฐ จะมีหน้าม้ามารับเช็คด้วย หรือไม่?

สนามฟุตซอลโลก ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้แข่งขันฟุตซอลโลก 2012 ที่ไม่ได้ใช้แข่งตามวัตถุประสงค์ไปชั่วกัลปาวสาน เพราะสร้างไม่เสร็จ ไม่ทันใช้งาน

พรรคประชาธิปัตย์ติดประกาศว่าติดตั้งกล้องวงจรปิดในกรุงเทพครบหนึ่งหมื่นกล้องแล้ว มีผู้พบว่าเป็นกล่องเปล่า ถ่ายรูปมาให้ดูในเว็บบอร์ดพันทิป จนมีหลายคนพยายามสังเกตุในสถานที่ต่างๆ พบว่าเป็นกล่องเปล่าจำนวนมากทั่วกรุงเทพมหานคร

จากข้อมูลขอ Nectec วันที่ 12 ตุลาคม 2553 กล้องวงจรปิดบริเวณอนุสาวรัย์ชัยสมรภูมิและดินแดง จำนวน 316 กล้อง มีกล้องใช้งานจริง 69 กล้อง งบประมาณที่ใช้เป็นเงิน 2,031,000,000 บาท เฉลี่ยเป็นราคา 203,100 บาทต่อกล้องหรือต่อกล่องเปล่า ที่ซึ่งราคากล้องหรือกล่องเปล่าแพงกว่ากล้องวงจรปิดทั่วไปมากกว่า 20 เท่า

เครื่องตรวจหาระเบิดและตรวจหายาเสพติดหรือสิ่งอื่นๆ GT 200 ลวงโลก รัฐบาลอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 2549 ซื้อมาในราคาเครื่องละ 900,000-950,000 บาท 466 เครื่อง เป็นเงิน 419.5 ล้านบาท รัฐบาลสุรยุทธ์ ของคณะรัฐประหาร 2549 ซื้อมาในราคาเครื่องละ 70,000 บาท 500 เครื่อง เป็นเงิน 35 ล้านบาท (รัฐบาลพรรคไทยรักไทย ซื้อมาในราคาเครื่องละ 40,000 บาท 4 เครื่อง ทดลองใช้ แล้วงดสั่งซื้อ)
  

เรือเหาะมูลค่า 350 ล้านบาท กับค่าซ่อมและค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมเป็นกว่า 450 ล้าน บาท ที่ต้องซ่อมทันทีที่ซื้อมาโดยไม่ได้ใช้ และซ่อมแล้วซ่อมอีกจนต้องเลิกพยายามใช้ ตามวัตถุประสงค์เพื่อการใช้ตรวจการในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่การก่อการ ร้ายลุกลามรุนแรง อันน่าจะเป็นเป้าให้กลุ่มก่อการร้ายใช้ซ้อมยิงเล่นได้เป็นอย่างดี
  
(6) เฮลิคอปเตอร์ตกติดต่อกันสามลำภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์

(7)
เครื่องบินขับไล่ F16 ประสิทธิภาพสูงสุด ราคาแพงสุดของประเทศไทย ตกติดต่อกันสามลำ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์พรรคประชาธิปัตย์

(8)
การประดิษฐานรูปปั้นพระแม่ธรณีบีบมวยผม สัญลักษณ์ประจำพรรคประชาธิปัตย์สิ่งสำคัญอันเป็นที่นับถือไว้สักการะของพรรคประชาธิปัตย์ถูกทำพลัดตกล้ม มวยผมหักกระเด็นระหว่างดำเนินการประดิษฐาน ในเวลาต่อมามีการประดิษฐานอีกครั้งของรูปปั้นพระแม่ธรณีบีบมวยผม สัญลักษณ์ประจำพรรคประชาธิปัตย์ที่สร้างขึ้นใหม่แทนของเดิมที่ชำรุด โดยยังคงไม่พลาดเกิดเรื่อง ทำพลัดตกล้มอีกครั้ง แตกหักเป็นสองท่อนระหว่างดำเนินการประดิษฐาน

ถ้ามีการจะประดิษฐานอีกเป็นครั้งที่สามให้ทายว่า จะเกิดอะไรขึ้น ?

(9)
การประกันราคาข้าวของพรรคประชาธิปัตย์ จ่ายเงินส่วนต่างจากราคาประกันให้ชาวนา ที่ทำให้นายทุนซื้อข้าวได้ในราคาต่ำไปขายส่งออกได้มาก แท้จริงก็คือเอาเงินของประเทศให้นายทุนค้าข้าว หรือไม่?

ที่ซึ่งเอกสารคดีทุจริตการประกันราคาข้าวของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ถูก ปปช. 2549 ที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร 2549 สืบทอดโดยคณะรัฐประหาร 2557 เป็น ปปช. 2557 บอกว่าเสียหายไปเนื่องจากน้ำท่วม ทั้งไม่มีความคืบหน้าใดๆ ของคดีตลอดมาก่อนหน้านั้น

การประกันราคาข้าวและผลิตผลการเกษตรของพรรคประชาธิปัตย์ ก่อความเสียหายไม่น้อยกว่า 1.17 แสนล้านบาท ทั้งเป็นโทษทำให้ราคาข้าวตกต่ำ ต่างจากการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อย่างตรงกันข้าม (ที่ซึ่งถูกกลั่นแกล้งขัดขวางทำลายไป แล้วใส่ร้ายป้ายสี) 

(10) การแจกที่ดิน สปก. ที่คนในพรรคประชาธิปัตย์รวม 11 ตระกูล ได้รับแจกที่ดินจำนวนมากด้วย ได้รับแจกฟรีกันหลายสิบไร่ ไปจนถึงเกือบร้อยไร่

(11)
น้ำมันปาล์มขาดตลาด ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าอื่นๆ แผ่กระจายออกเป็นวงกว้าง แล้วแพงทั้งแผ่นดิน ตามวาทกรรม ของพรรคประชาธิปัตย์ ในแคมเปญ Event ต่างๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์จัดขึ้น ที่ซึ่งเป็นการตีกิน เอาดีใส่ตัว เอาชั่วจากผลของกรณีน้ำมันปาล์มให้ผู้อื่น ใช่หรือไม่ ?

เป็นการกลับมาอีกครั้งของสินค้าขาดตลาด แล้วขายในราคาแพงที่เกิดขึ้นเป็นปกติในอดีตที่พรรคประชาธิปัตย์ครองอำนาจ แล้วหายไปนาน พร้อมกับการกลับมาของพรรคประชาธิปัตย์หลังรัฐประหาร 2549 ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จ่ายชดเชยให้ 9 บาทต่อลิตรแล้ว ก็ยังให้ขายแพงกว่าเดิมอีก 9 บาทต่อลิตร รวมเป็นผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น 18 บาทต่อลิตร น้ำมันปาล์มก็กลับมาเต็มตลาดในวันรุ่งขึ้นทันทีโดยครอบครัวของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ บุคลากรระดับสูงคนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบธุรกิจน้ำมันปาล์มอาจจะเป็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศ

(12)
ป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจพบเห็นสุนัขใช้เป็นที่หลับนอน หรือสุนัขใช้เป็นที่ปัสสาวะ เป็นครั้งคราว แต่น่าจะ ไม่มีใครเคยเห็นหรือแทบไม่มีใครเคยเห็น แท็กซี่ เลย

(13)
ราคายางพาราตกต่ำ ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์แก้ไขโดยแนะให้โค่นต้นยางทิ้ง ปลูกจำปาดะแทน ถ้าราคาจำปาดะตกต่ำ ก็คงต้องโค่นจำปาดะทิ้ง แล้วปลูกจำปีแทน ถ้าราคาจำปีตกต่ำ ก็คงต้องโค่นจำปีทิ้ง แล้วปลูกหญ้าแห้วหมูแทน ถ้าราคาหญ้าแห้วหมูตกต่ำ ก็ส่งไปขายดาวอังคาร ตามที่ใครบางคนกล่าวแนะนำไว้
...พอหอมปากหอมคอ แค่สิบสามข้อ (จากทั้งหมดเกือบสามสิบ) มากกว่าค่านิยมนี้ดดดเดียว 

(บทความข้างเคียง : http://thaienews.blogspot.com/2015/01/4-2557.html)